Email Marketing เครื่องมือการตลาดชิ้นสำคัญที่สามารถสร้าง ROI ให้กับธุรกิจของคุณ แต่การที่จะสร้าง Email Marketing ให้มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยการวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ในการใช้เครื่องมือจัดการไปจนถึงวิเคราะห์ ทดสอบแคมเปญที่สร้าง ทำให้มีรายละเอียดหลายๆจุดมักจะถูกมองข้ามไป เกิดเป็นข้อผิดพลาดที่ Email Marketing ไม่สมบูรณ์
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดการ Email Marketing และปิดช่องโหว่ที่ทำให้คุณต้องเสียโอกาส เราจะมาดู 10 ข้อควรระวังก่อนสร้าง Email Marketing กัน!
1.เนื้อหาไม่มีความน่าสนใจ ไม่ใส่ Call to Action
ถ้าคุณสร้างแคมเปญอีเมล แต่ไม่บอกให้ผู้รับทราบว่าต้องทำอย่างไรกับข้อมูลที่คุณส่งมา อีเมลของคุณที่ส่งไปนั้นก็จะเปล่าประโยชน์ เสียทั้งเวลาและโอกาสในการสร้างลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ ใส่ข้อความที่โน้มน้าวใจภายในเนื้อหาอีเมล พร้อมกับคำที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดการตัดสินใจ (Call to Action) อาจจะเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองง่ายๆว่า คุณมีเป้าหมายต้องการให้สมาชิกทำอะไรกับอีเมลการตลาดที่คุณส่งไป เช่น ต้องการแนะนำให้รู้จักแบรนด์ของคุณ ก็แนบลิงค์ให้ผู้อ่านเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น
2.ไม่แบ่งกลุ่มรายชื่อผู้รับอีเมล
ถ้าคุณไม่แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลผู้รับให้ดี จะส่งผลให้คุณส่งอีเมลผิดพลาดไปยังผู้รับได้ง่าย สิ่งที่ควรทำก่อนส่งอีเมลส่วนบุคคลที่มีจำนวนมาก คือ แบ่งเซตลูกค้า ตามลำดับความสำคัญหรือความถี่ในการใช้บริการ เช่น ลูกค้าที่เป็นสมาชิกที่ใช้บริการของคุณมากกว่าที่อื่นๆ ลูกค้าที่พึ่งเริ่มต้นใช้บริการ หรือลูกค้าเก่าที่ใช้บริการประจำ เป็นต้น การจัดการแบบนี้จะช่วยให้ เนื้อหาอีเมลที่มีความเฉพาะเจาะจงสอดคล้องกับความสนใจของลูกค้า และสามารลงรายละเอียดพูดคุยได้มากขึ้น นับเป็นการสร้าง Call to action อีกทางหนึ่งเช่นกัน
3.เขียนเนื้อหาที่ไม่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
Email Marketing ของคุณ มุ่งเน้นไปที่ผู้อ่านหรือมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจเพียงอย่างเดียว? หากคำตอบในใจคืออย่างที่สอง คุณกำลังทำผิดพลาดทางด้านการตลาดสุดๆ เพราะคุณกำลังละเลยความต้องการของลูกค้าผู้รับสาร และนี่คือปัญหาใหญ่ เนื่องจากผู้บริโภคจะไม่สนใจสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ผู้บริโภคต้องการทราบแค่เพียงเนื้อหาที่ให้อะไรกับพวกเขา ถ้าหากไม่มีอะไรที่น่าดึงดูดสนใจ แน่นอนว่าอีเมลของคุณจะเกิดการมองข้าม
4.ไม่เลือกใช้ Email Automation ตามพฤติกรรมของผู้ใช้
Email Automation เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำ Email Marketing ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้คุณมีส่วนร่วมกับลูกค้า ในช่วงเวลาอันเหมาะสม ตามพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เช่น หากคุณต้องการส่งอีเมล เพื่อต้อนรับลูกค้าสมาชิกใหม่ คุณสามารถสร้างแคมเปญอีเมล โดยออกแบบมาเพื่อแนะนำเว็บไซต์ หรือสินค้าของคุณ ซึ่งแคมเปญอีเมลที่สร้างขึ้นมีข้อกำหนดจะถูกเรียกใช้เมื่อมีลูกค้าต้องการเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในฐานรายชื่ออีเมลคุณ
คุณสามารถที่จะสร้างแคมเปญอีเมลอัตโนมัติด้วย Journey Builder โดยเซ็ตค่าให้ตรงตามเกณฑ์ที่ต้องการ หากผู้เข้าใช้บรรลุเกณฑ์เหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกค้าของเรา อีเมลที่กำหนดเป้าหมายแบบส่วนบุคคลเอาไว้ก็จะถูกส่งไปในเวลาที่แน่นอน ช่วยลดภาระงานและยังเป็นการประหยัดเวลาในการทำงานอีกด้วย นอกจากนี้ Journey Builder ยังตอบโจทย์ในการสร้างฐานลูกค้า สร้างการรับรู้ของแบรนด์และปรับการตลาดให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ประกอบการอีกด้วย
5.สร้าง Subject Name หรือ หัวเรื่องอีเมลไม่มีความดึงดูดน่าสนใจ
หากคุณละเลยหัวเรื่องที่อาจเป็นเพียงข้อความสั้นๆ จะส่งผลให้ Email Marketing ของคุณนั้นถูกมองข้ามได้ง่ายๆ เพราะหัวเรื่อง เป็นใจความสำคัญ ที่จะดึงดูดให้ผู้รับเปิดอ่านข้อความภายในที่เราส่งไปในอีเมล เมื่อหัวเรื่องของคุณไม่น่าสนใจมากพอที่จะเปิดอ่าน อีเมลของคุณที่ตั้งใจส่งไปก็จะสูญเปล่า ถูกดองค้างไว้แม้ว่าภายในมีสาระสำคัญมากแค่ไหนก็ตาม ทำให้สูญเสียงบประมาณ และยังเสียเวลาอีกด้วย ทางที่ดีแนะนำให้ตั้งหัวเรื่องเปิดมาให้โดนใจผู้อ่าน เพื่อให้อีเมลที่ส่งไปถูกเปิดอ่านในทันที
เคล็ดลับการสร้างหัวเรื่องอีเมล:
ทำข้อความให้สั้นกระชับ และน่าสนใจ
ลบคำฟุ่มเฟือยออก
ใช้คำหลักที่สำคัญและดึงดูดเริ่มต้นประโยค
ใจความชัดเจนและเรียบง่าย
6.ไม่สนใจรูปแบบที่จะแสดงผลบนหน้าจอมือถือ
เป็นที่ทราบกันดีว่ามือถือเป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ทุกคนมีติดตัว คนส่วนใหญ่ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือมากกว่าเดสก์ท็อปและแท็บเล็ต หากคุณมองข้ามรายละเอียดที่เป็นจุดสำคัญอย่างการแสดงผลบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะทำให้ Email Marketing ของคุณไม่รองรับการแสดงผลบนหน้าจอมือถือ เมื่อแสดงผลได้ไม่ดี ผู้รับสารไม่สามารถเข้าถึงหรือมองเห็นอีเมลของคุณได้ชัดเจน มีโอกาสที่อีเมลที่ส่งไปจะถูกโยนเข้าขยะหรือ ไม่ถูกเปิดอ่านในฉบับต่อๆไปในอนาคต
7.ไม่ใส่ Alt ในภาพ
มีผู้ใช้อีเมลเป็นจำนวนมากที่การแสดงภาพบนหน้าจอมือถือถูกปิดกั้น ซึ่งหมายความว่าภาพจะไม่โหลดปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอ หากอีเมลของคุณคือภาพทั้งหมดที่ไม่มีข้อความ ผู้ใช้ที่ถูกปิดกั้นจะไม่สามารถมองเห็นสารที่คุณส่งมาได้เลย
นอกจากนี้ยังมีกรณีบางครั้งที่ การเชื่อมโยงภาพถูกแตกออก การเพิ่ม alt รูปภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำทุกครั้งสำหรับการสร้างแคมเปญอีเมล
8.ไม่มีการวางกลยุทธ์ในการส่งอีเมล
คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเสมอ ควรเสนอตัวเลือกที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขา ยกตัวอย่าง หลายๆแบรนด์มีศูนย์กลางการตั้งค่าสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกกับเรา โดยให้ลูกค้าสามารถที่จะกำหนดตั้งค่าความถี่ในการรับอีเมลได้ ทางแบรนด์ผู้ส่งอีเมลก็สามารถเก็บข้อมูลในส่วนนี้ และแบ่งรายชื่อออกมาจัดเป็นกลุ่ม ใช้ระบบอัตโนมัติในการติดตามผล ส่งอีเมลตามความถี่ที่ลูกค้ากำหนดการตั้งค่าเอาไว้
9.ไม่จัดการหรืออัปเดตรายชื่ออีเมล
รายชื่อผู้รับที่มากไม่ได้สำคัญเท่ากับ จำนวนคนที่เป็นสมาชิกและให้ความสนใจกับสินค้า บริการอย่างแท้จริง รวมไปถึงต้องการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ถ้าหากรายชื่อที่มากขึ้นแต่สวนทางกับจำนวนผู้ใช้งาน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ ตัดรายการ ลบรายชื่อผู้ที่ไม่ได้สนใจหรือมีส่วนร่วมกับอีเมล จะช่วยให้จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนตัวจริงของแบรนด์ได้ตรงจุด ทั้งยังช่วยให้เครื่องมือมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำ Email Marketing
10.ไม่ทดสอบ A/B testing ก่อนส่งอีเมล
การทดสอบอีเมลเป็นวิธีที่จะช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความชอบของผู้รับอีเมล เมื่อคุณจับจุดได้ว่าเนื้อหา ข้อความ รูปภาพ และ Call to action แบบไหนที่ผู้รับสนใจ คุณก็จะสามารถใช้ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงแก้ไข การทำ Email Marketing ต่อไปในอนาคต เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งอีเมลการตลาดให้มีความน่าสนใจและไม่ถูกมองข้ามนั่นเอง